หน้าหลัก / นโยบายความเป็นส่วนตัว
ประกาศความเป็นส่วนตัว
บริษัท ทีที เมดิคอล แอนด์ เวลแฟร์ แมเนจเม้นท์ (ไทยแลนด์) จำกัด
การปรับปรุงครั้งล่าสุด: พฤษภาคม 2565
 
บริษัท ทีที เมดิคอล แอนด์ เวลแฟร์ แมเนจเม้นท์ (ไทยแลนด์) จำกัด (“บริษัท” “เรา” “พวกเรา” หรือ “ของเรา” ในประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้) เป็นบริษัทที่อยู่ในเครือของ บริษัท โตโยต้า ทูโช (ไทยแลนด์) จำกัด ประกอบธุรกิจทางการแพทย์ การบริการให้คำปรึกษา การบริหารสวัสดิการด้านสุขภาพ และสวัสดิการอื่นๆ ตามข้อกำหนดของลูกค้า รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพ การนำเสนอกิจกรรม เพื่อส่งเสริม และหาแนวทางในการดูแลสุขภาพพนักงาน และครอบครัวพนักงาน ซึ่งบริษัทมุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า 

บริษัทให้ความเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล และบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายและข้อบังคับที่บังคับใช้ ซึ่งรวมถึงพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย พ.ศ. 2562 (2019) (“พีดีพีเอ”) ประกาศฉบับนี้อธิบายว่า เมื่อไหร่และอย่างไรที่บริษัทประมวลผล (ซึ่งรวมถึงการรวบรวม การใช้ การจัดเก็บ การเปิดเผย และการโอน ซึ่งต่อไปในที่นี้รวมเรียกว่า “การประมวลผล” หรือ “ประมวลผล” ) ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและจัดหาให้ท่านซึ่งข้อมูลสิทธิและหน้าที่อันเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ทั้งนี้ ประกาศความเห็นส่วนตัวฉบับนี้อาจถูกปรับปรุงเป็นครั้งคราว ท่านสามารถหาฉบับล่าสุดได้ในเว็บไซต์ของบริษัท และ/หรือแพลตฟอร์มหรือช่องทางสื่อสารออนไลน์ของบริษัท   

คำว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล” ที่ใช้ในประกาศฉบับนี้ให้หมายถึง ข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลธรรมดาที่ไม่เป็นผู้ถึงแก่กรรม ที่ทำให้สามารถระบุตัวตนบุคคลธรรมดานั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม (และบุคคลธรรมดาดังกล่าวเป็น “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล”) โดยคำเฉพาะอื่นใดที่มิได้ให้นิยามไว้ในประกาศฉบับนี้ให้ตีความตามพีดีพีเอ  
 
  1. ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทรวบรวมและประมวลผล
บริษัทรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประกอบกิจกรรมในธุรกิจของเรา และภายในขอบเขตวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในประกาศนี้เท่านั้น
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปฏิสัมพันธ์ที่ท่านมีกับบริษัท (อาทิ ออนไลน์ ออฟไลน์ ผ่านทางโทรศัพท์ เป็นต้น) และความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบริษัท บริษัทอาจรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลประเภทต่างๆ จากท่าน ดังนี้ 
  • “รายละเอียดส่วนตัว และการระบุตัวตน” (เช่น ชื่อจริง ชื่อกลาง นามสกุล ชื่อผู้ใช้ หรือสิ่งระบุตัวตนที่คล้ายกัน รูปถ่าย สถานภาพการสมรส ตำแหน่ง อาชีพ วันเดือนปีเกิด เพศ อายุ ถิ่นที่อยู่ สถานะทางครอบครัวซึ่งรวมถึงข้อมูลของสมาชิกในครอบครัว ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ข้อมูลทรัพย์สิน วีซ่า ใบอนุญาตทำงาน บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง บัตรประจำตัวผู้เสียภาษี และบัตรประจำตัวอื่นๆ ที่ทางราชการออกให้)
  • “ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับผู้รับผลประโยชน์ สมาชิกในครอบครัว และ/หรือผู้อยู่ในการดูแล” (ที่ท่านได้ให้แก่บริษัทฯ ในแบบคำขอ แบบฟอร์ม หรือเอกสารใดๆ หรือให้ไว้เกี่ยวกับคำขอ การซื้อ การยอมรับ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ หรือบริการของบริษัทฯ เช่น ชื่อ ที่อยู่ และข้อมูลการติดต่อของบุคคลดังกล่าว เป็นต้น)
  • “ข้อมูลการติดต่อ” (เช่น ที่อยู่สำหรับเรียกเก็บเงิน ที่อยู่สำหรับการจัดส่ง ที่อยู่อีเมล์ หมายเลขโทรศัพท์ และบัญชีสื่อสังคมและการติดต่อสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์  (social media and electronic communication accounts)
  • “ข้อมูลการชำระเงิน” (เช่น รายละเอียดบัญชีธนาคาร และบัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต รวมถึงใบเสร็จรับเงิน)
  • “ข้อมูลการเคลมสินไหมทดแทน” (เช่น คำขอเอาประกันภัย คำขอเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ข้อมูลเกี่ยวกับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน รายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และบริการที่ท่านได้ใช้กับทางบริษัท)
  • “ข้อมูลกรมธรรม์” (เช่น ประเภทของกรมธรรม์ประกันภัย หมายเลขกรมธรรม์ จำนวนเงินค่าเบี้ยประกันภัย วงเงินคุ้มครองตามกรมธรรม์ รายละเอียดการชำระเงิน วิธีการชำระเงิน และประวัติการชำระเงิน)
  • “ข้อมูลทางเทคนิค” (เช่น ที่อยู่ไอพี คุกกี้ ตำแหน่งอุปกรณ์ที่มีการเข้าถึงขณะใช้เว็บไซต์ และ/ หรือสื่อสังคมของบริษัท);
  • “ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว” (เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ/เวชระเบียน ภาวะสุขภาพ ผลการตรวจสุขภาพ ข้อมูลไบโอเมตริกซ์ ความทุพพลภาพ เชื้อชาติ ศาสนา หมู่เลือด บันทึกการฉีดวัคซีน ประวัติอาชญากรรม)
  • ข้อมูลส่วนบุคคลอาจถูกแปลงเป็นข้อมูลทางสถิติ หรือข้อมูลรวมในลักษณะที่ท่าน ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะไม่ถูกระบุตัวตน หรือจะไม่สามารถระบุตัวตนได้จากข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว และอาจถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์ และการวิจัย ซึ่งในกรณีนี้ ข้อมูลดังกล่าวจะไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอีกต่อไป
 
  1. แหล่งของข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกรวบรวม
บริษัทรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยวิธี ดังต่อไปนี้:
  • การรวบรวมโดยตรง:
  • บริษัทรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงจากท่าน ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงเมื่อท่านกรอกแบบฟอร์มที่กำหนด แบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ และ/หรือ โดยการติดต่อกับบริษัททางไปรษณีย์ อีเมล์ หรือเมื่อท่าน:
    • ขอข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ หรือบริการของบริษัท
    • มอบนามบัตรของท่านแก่บริษัท
    • สั่งซื้อ หรือทำการร้องขอผลิตภัณฑ์ หรือบริการของบริษัท; หรือ
    • การแสดงความคิดเห็น หรือติดต่อบริษัท
  • การรวบรวมโดยอ้อม: 
บริษัทยังอาจรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่น องค์กรที่ท่านสังกัด ผู้รับผลประโยชน์ของท่าน สมาชิกในครอบครัวท่าน ผู้พิทักษ์ ผู้อนุบาล ผู้กระทำการแทนในนามของท่าน และ/หรือ แหล่งข้อมูลสาธารณะในขอบเขตที่ พีดีพีเอ และกฎหมายที่บังคับใช้อื่นๆ อนุญาต ซึ่งรวมถึง เมื่อบุคคลที่สามให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับบริษัท ในคำขอใดๆ แบบฟอร์มหรือเอกสารอื่นที่เกี่ยวกับการร้องขอ การซื้อ การยอมรับ หรือ การใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของท่าน
 
  1. วัตถุประสงค์สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล 
บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่ระบุไว้ในข้อ 1 เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ 
  • เพื่อจดทะเบียน และยืนยันตัวตนของท่านในฐานะเป็นลูกค้าใหม่ ผู้จัดหาวัสดุ หรือ ผู้ให้บริการรายใหม่ ก่อนให้บริการ หรือเข้าทำสัญญา
  • เพื่อจัดหา (หรือจัดซื้อ) ผลิตภัณฑ์ หรือให้บริการอย่างเหมาะสมซึ่งรวมถึง:
(ก) การทำ (หรือรับ) คำสั่งซื้อ
(ข) การส่งมอบ;
(ค) การชำระ (หรือการรับ) ค่าธรรมเนียม
(ง) การเข้าทำสัญญา และปฏิบัติตามสัญญา ระหว่างบริษัท กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
(จ) การให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ และสวัสดิการ
  • เพื่อให้บริการ และบริหารจัดการสวัสดิการตามสิทธิ์ ให้แก่พนักงานของบริษัทคู่สัญญา
  • เพื่อการรักษาความสัมพันธ์ การขอมีส่วนร่วมในการสำรวจตลาด และความพึงพอใจหลังการขาย
  • เพื่อบริหารจัดการ ปกป้องธุรกิจ และเว็บไซต์ และ/ หรือสื่อสังคม และ แพลตฟอร์มหรือช่องทางสื่อสารออนไลน์อื่น (ซึ่งรวมถึงการแก้ไขปัญหา การวิเคราะห์ข้อมูล การทดสอบ การบำรุงรักษาระบบ การสนับสนุน การรายงาน และการโฮสต์ข้อมูล)  
  • เพื่อตรวจสอบ หรือจัดการกับข้อเรียกร้อง หรือข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องธุรกิจของบริษัท หรือปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ ตามกฎหมาย ข้อบังคับ หรือใบอนุญาตประกอบการที่บังคับใช้   
เราอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นตามที่กฎหมายอนุญาตได้
นอกจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เมื่อใดที่บริษัทเป็นผู้ประมวลผลข้อมูล บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในนามของผู้ควบคุมข้อมูลเพื่อวัตถประสงค์และตามลักษณะที่ได้มีการว่าจ้างและสั่งโดยผู้ควบคุมข้อมูลเท่านั้น
 
  1. ฐานสำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล 
บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อกฎหมาย และ/หรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พีดีพีเอ) อนุญาตให้ทำได้เท่านั้น 
เมื่อบริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในฐานะเป็นผู้ควบคุมข้อมูล บริษัทจะอาศัยฐานตามกฎหมายอย่างน้อยหนึ่งข้อสำหรับการประมวลผลตามกฎหมาย (ซึ่งรวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงกรณีต่อไปนี้):
  • “ความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” (การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมต่อการประมวลผลดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง)
  • “การปฏิบัติตามสัญญา” (การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญาหรือสำหรับการดำเนินการต่างๆ ตามคำร้องขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญาดังกล่าว)
  • “การปฏิบัติตามกฎหมาย” (การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการปฏิบัติตามข้อผูกพันทางกฎหมาย ซึ่งบริษัทอยู่ภายใต้บังคับ)
  • “ประโยชน์อันชอบธรรม” (การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่จะเป็นฐานประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัท เพื่อที่จะดำเนินการ และจัดการธุรกิจของบริษัทเพื่อจัดให้มีการบริการ และ/ หรือ ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สุด   
ก่อนการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามฐานประโยชน์อันชอบธรรมนี้ บริษัทจะประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น (ทั้งด้านบวก และด้านลบ) ต่อท่าน และต่อสิทธิของท่าน และทำการเปรียบเทียบระหว่างผลกระทบดังกล่าวต่อท่าน กับฐานประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัทต่อไป บริษัทจะไม่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยเหตุฐานประโยชน์อันชอบธรรมนี้ หากผลเสียต่อท่าน และต่อสิทธิของท่านมีมากกว่าประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัท
สำหรับข้อมูลที่ละเอียดอ่อน นอกเหนือจากฐานตามกฎหมายที่กล่าวถึงข้างต้น บริษัทจะประมวลผลข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของบนฐานต่อไปนี้:
  • ความยินยอมของท่านโดยชัดแจ้ง
  • ประโยชน์สาธารณะอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต
ในฐานะเป็นผู้ควบคุมข้อมูล บริษัทอาจเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถได้ตามที่ พีดีพีเอ หรือ กฎหมายอื่นที่ใช้บังคับกำหนด ในกรณีที่ท่านเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ เมื่อเราต้องขอความยินยอม เราจะขอความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครอง ผู้พิทักษ์ หรือผู้อนุบาลแล้วแต่กรณี ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนท่านด้วย  

หากบริษัททราบว่า บริษัทได้เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถไว้โดยไม่ได้เจตนา ซึ่งบริษัทไม่ควรรวบรวมโดยไม่ได้รับความยินยอมจาก ผู้ใช้อำนาจปกครอง ผู้พิทักษ์ หรือผู้อนุบาลแล้วแต่กรณี ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลบริษัทจะดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อลบข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวข้างต้นทันที ทั้งนี้ เว้นแต่ จะมีกฎหมายกำหนดให้บริษัทต้องเก็บข้อมูลนั้น หรือบริษัทสามารถเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้บนฐานทางกฎหมายอื่นเป็นไปตาม พีดีพีเอ 
 
  1. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลที่สามดังต่อไปนี้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความพร้อมของมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล และการปฏิบัติตามกฎหมาย และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องโดยบุคคลที่สามดังกล่าว:
  • “บุคคลที่สามภายใน” 
  • “บุคคลที่สามภายนอก”
  • “บุคคลที่สามผู้ซึ่งบริษัทอาจเลือกที่จะขาย และโอนกิจการของบริษัท (หรือในทางกลับกัน) หรือผู้ที่บริษัทอาจควบรวมกิจการด้วย”
เมื่อบริษัทร้องขอให้บุคคลที่สามภายนอกประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในนามของบริษัท บริษัทจะไม่อนุญาตให้พวกเขาใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อจุดประสงค์ของพวกเขาเอง บริษัทจะอนุญาตให้พวกเขาประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะที่อยู่ภายในขอบเขตของคำสั่งของบริษัท กฎหมาย และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องซึ่งบังคับใช้

เจ้าของธุรกิจของบริษัทรายใหม่  (ผู้รับโอนธุรกิจ) จะสามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่เกี่ยวข้องในขอบเขตเดียวกันกับที่ประกาศนี้อนุญาตไว้ และเป็นไปตาม พีดีพีเอ

เพื่อประโยชน์ในการตีความในส่วนนี้:
“บุคคลที่สามภายใน” ให้รวมถึงบริษัทแม่ บริษัทย่อย และบริษัทในเครือของบริษัทซึ่งบริษัทถือหุ้นส่วนใหญ่ หรือส่วนได้เสียส่วนใหญ่ในประเทศไทย และ/หรือ ประเทศอื่นๆ 

“บุคคลที่สามภายนอก” ให้รวมถึงบุคคลที่สามดังต่อไปนี้:
(ก) ผู้ให้บริการของบริษัท ผู้ให้บริการของบุคคลที่สามภายในประเทศไทย และ/หรือ ประเทศที่เกี่ยวข้องอื่นใด (ทำหน้าที่เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้รับมอบหมายของพวกเขา หรือผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลร่วม เป็นต้น)
(ข) ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของบริษัท  ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของบุคคลที่สามภายในในประเทศไทย และ/หรือ ประเทศที่เกี่ยวข้องอื่นใด (ทำหน้าที่เป็นทนายความ นักบัญชี ผู้ตรวจสอบบัญชี นักการเงิน ผู้รับประกันภัย และที่ปรึกษา ฯลฯ) และ
(ค)  ผู้กำกับดูแล และ/หรือ หน่วยงานข้อมูลส่วนบุคคล/ ข้อมูล/ การคุ้มครองความเป็นส่วนตัวในประเทศไทย และ/หรือ ประเทศที่เกี่ยวข้องอื่นใดซึ่งมีอำนาจกำหนดให้มีการรายงานกิจกรรมการประมวลผล ฯลฯ ในบางพฤติการณ์ตามกฎหมายที่บังคับใช้ 
 
  1. การโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่กล่าวไว้ในข้อ 6. (การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล) ข้างต้นอาจรวมถึงการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศ 

บริษัทจะโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากประเทศไทยไปต่างประเทศเฉพาะในกรณีที่ข้อหนึ่งข้อใดดังต่อไปนี้บังคับใช้:
(ก) การโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากประเทศไทยไปต่างประเทศโดยที่ประเทศปลายทาง หรือองค์กรระหว่างประเทศที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวมีมาตรฐานการปกป้องข้อมูลเพียงพอ และการโอนได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์สำหรับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด หรือ
(ข) การโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากประเทศไทยไปต่างประเทศโดยเหตุดังต่อไปนี้ 
(1) เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย
(2) โดยความยินยอมของท่าน
(3) เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญาหรือคำขอก่อนทำสัญญาของท่าน 
(4) เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างบริษัทกับบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของท่าน 
(5) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือ 
(6) จำเป็นสำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์สาธารณะเป็นสำคัญ     
 
  1. การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
บริษัทได้วางมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง การใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและจะตรวจสอบให้แน่ใจว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ระบุและประกาศไว้ตาม พีดีพีเอ

บริษัทจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะพนักงาน ตัวแทน ผู้รับเหมา และบุคคลอื่น และบุคคลที่สามที่กล่าวถึงในข้อ 6. (การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล) ข้างต้นเฉพาะตามที่เป็นการจำเป็น พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายในขอบเขตคำสั่งของบริษัทเท่านั้น และจะอยู่ภายใต้บังคับหน้าที่ในการรักษาความลับ

หากพบว่ามีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสิทธิ และเสรีภาพของบุคคล บริษัทจะรายงานไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ชักช้าเกินสมควร และหากเป็นไปได้ ไม่เกิน 72 ชั่วโมงเมื่อพบ
นอกจากนี้ หากการละเมิดอาจส่งผลให้เกิดความเสี่ยงสูงต่อสิทธิ และเสรีภาพของบุคคล บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบว่ามีการละเมิด และให้ข้อมูลเกี่ยวกับการละเมิด และแนวทางการแก้ไขโดยไม่ชักช้าเกินควร
 
  1. ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นตามสมควรต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ในการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น

บริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นเวลานานขึ้นในกรณีที่มีการฟ้องร้อง หรือมีแนวโน้มที่จะมีการดำเนินคดีกับบริษัทหรือที่จะดำเนินการโดยบริษัท บริษัทยังอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้แม้หลังจากได้บรรลุวัตถุประสงค์ในการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลแล้วในกรณีที่มีความจำเป็น เนื่องจากบริษัทมีประโยชน์อันชอบธรรมอยู่ที่จะทำเช่นนั้นได้ หรือเป็นไปเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่บังคับใช้รวมถึงพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 (2017)
 
  1. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านทีสิทธิต่างๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังนี้:
  • สิทธิในการถอนความยินยอมของท่านในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลถูกประมวลผลบนพื้นฐานของความยินยอม ทั้งนี้ ขอให้ทราบว่าการเพิกถอนความยินยอมของท่านจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลโดยชอบที่ได้กระทำไปบนพื้นฐานของความยินยอมก่อนการเพิกถอน อย่างไรก็ตาม อาจมีผลกระทบทางกฎหมายเกิดขึ้นจากการถอนความยินยอมของท่าน ซึ่งบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงผลกระทบดังกล่าวตามลักษณะของการถอนความยินยอมที่ท่านร้องขอ
  • สิทธิในการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  • สิทธิในการขอโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งสิทธินี้ให้ท่านสามารถรับข้อมูลที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล มาตรการที่ใช้ในการรวบรวม ข้อมูลเกี่ยวกับผู้รับหรือประเภทของผู้รับที่ข้อมูลส่วนบุคคลถูกเปิดเผย รวมถึงเหตุผลและระยะเวลาการเก็นรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  • สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  • สิทธิในการลบ ทำลาย หรือไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายหลังระยะเวลาการเก็บข้อมูลสิ้นสุดลง
  • สิทธิในการจำกัดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  • สิทธิในการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจในความถูกต้อง ความเป็นปัจจุบัน ความสมบูรณ์ และไม่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดของข้อมูลส่วนบุคคล
  • สิทธิในการร้องเรียนต่อหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ในกรณีมีการปฏิบัติผิดข้อกำหนดของ พีดีพีเอ 
หากท่านประสงค์จะเรียกร้องเพื่อใช้สิทธิใดๆ ดังกล่าวข้างต้น กรุณาส่งคำขอมายังบริษัทตามรายละเอียดข้อมูลการติดต่อที่ได้ระบุไว้ในประกาศนี้  
 
  1. ลิงค์บุคคลที่สาม
เว็บไซต์ และ/หรือสื่อ/แพลตฟอร์มสื่อสารออนไลน์นี้ อาจรวมถึงลิงค์ไปยังเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม การคลิกลิงก์เหล่านั้น หรือการเปิดใช้งานการเชื่อมต่อเหล่านั้นอาจเป็นการอนุญาตให้บุคคลที่สามทำการรวบรวม หรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับท่าน บริษัทไม่ได้ควบคุมเว็บไซต์บุคคลที่สามเหล่านี้ และจะไม่รับผิดชอบต่อคำแถลงความเป็นส่วนตัวของพวกเขา ดังนั้น เมื่อท่านออกจากเว็บไซต์ของบริษัท ขอเสนอแนะให้ท่านอ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวของทุกเว็บไซต์ที่ท่านเยี่ยมชม 
 
  1. การติดต่อ
ท่านสามารถสอบถามเพิ่มเติม/ แจ้งแก้ไขความยินยอม ได้ที่ 
o    ฝ่ายทรัพยากรบุคคล หรือ แผนกที่เกี่ยวข้อง ต้นสังกัดของท่าน หรือ
o    โทรศัพท์: 02-115-9380-88 หรือ
o    เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) Email : dpo@ttmwm.co.th หรือ
o    บริษัท ทีที เมดิคอล แอนด์ เวลแฟร์ แมเนจเม้นท์ (ไทยแลนด์) จำกัด 
สำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่เลขที่ 44/1 อาคารรุ่งโรจน์ธนกุล ชั้น 15 ถนนรัชดาภิเษก แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310
 
นายโตชิโนริ  ฮายาชิ
ประธานบริษัท ทีที เมดิคอล แอนด์ เวลแฟร์ แมเนจเม้นท์ (ไทยแลนด์) จำกัด